Pause the pain by Activated PRP
PRP (Platelet-Rich Plasma) คืออะไร?
Platelet-rich plasma (PRP) หมายถึง สารสกัดพลาสม่าจากเลือดของเราเอง ที่มีความเข้มข้นของเกล็ดเลือดสูงกว่าระดับปกติ ซึ่งภายในประกอบไปด้วย Growth factor ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโต ช่วยบรรเทาอาการปวด ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยกระตุ้นกระบวนการรักษาและการฟื้นฟูของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
PRP นำมาจากเลือดของผู้ป่วยเอง ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ให้ผลการรักษาในระยะยาวดีกว่าการฉีดสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งนิยมฉีดในอดีต และมีผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ เช่น การฉีกขาดของเส้นเอ็น หรือ การฝ่อของผิวหนังบริเวณที่ฉีดสเตียรอยด์ เป็นต้น
การฉีด PRP มักต้องทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้งเพื่อให้กระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ขั้นตอนการทำ PRP
นำเลือดของผู้ป่วยปริมาตร 20-40 มิลลิลิตร ไปปั่นด้วยเครื่องหมุนเหวี่ยงพิเศษ
แยกส่วนประกอบของเลือด และนำเอาส่วนของ PRP มาฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ
หรือบริเวณที่ต้องการจะกระตุ้นให้ฟื้นฟู เช่น ข้อต่อ, กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น บริเวณต่างๆ เป็นต้น
การรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงชนิด
PRP เหมาะสมกับโรคอะไรบ้าง?
- โรคข้อเข่าเสื่อม
- ไขข้ออักเสบ
- เอ็นข้อเข่าอักเสบ
- เอ็นข้อไหล่ฉีก หรืออักเสบ
- เอ็นร้อยหวายอักเสบ
- เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
- เอ็นอักเสบที่ข้อศอกด้านนอก(Tennis Elbow)
- เอ็นอักเสบที่ข้อศอกด้านใน(Golfer Elbow)
- การบาดเจ็บของเส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ
PRP ที่ Activate พิเศษอย่างไร
Activate คำนึงถึงประสิทธิภาพการรักษา, ความสะอาดปลอดภัย เป็นสำคัญ
เครื่องมือและหลอดเก็บเกล็ดเลือด จึงมีความแตกต่างจาก เครื่องมือผลิต PRP ทั่วไป 3 ประการดังต่อไปนี้
- ได้เกล็ดเลือดเข้มข้นสูง ถึง 16-21 เท่า ให้ผลการรักษาที่ชัดเจน รวดเร็ว มากกว่า PRP ความเข้มข้นต่ำ
- การใช้เวชภัณฑ์ที่ถูกออกแบบเป็นระบบปิด จึงสะอาดและปลอดเชื้อ ทำให้หมดกังวลเรื่องการติดเชื้อจากการฉีด PRP
- ใช้กรรมวิธีพิเศษ กระตุ้นการทำงานของ Growth Factor ให้สูงขึ้นก่อนฉีดPRP ช่วยเร่งกระบวนการรักษาฟื้นฟูให้เห็นผลไวขึ้น
คำแนะนำก่อน-หลังฉีด PRP
- แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้งหากมีการแพ้ยา
- งดวิตามิน อาหารเสริม ยาบำรุงที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนฉีด 3 วัน
- งดฉีดในผู้ป่วยที่ร่างกายติดเชื้อ มีเกล็ดเลือดต่ำผิดปกติ มะเร็ง ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- นอนหลับพักผ่อน ให้เพียงพอ
- หลังฉีดอาจมีอาการชาบริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 ชั่วโมง และอาการปวด 1-2 วัน
- งดใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบเช่น Aspirin, Ibuprofen 3 วันหลังฉีด
- สามารถทำกิจวัตรในชีวิตประจำวันได้ตามปกต
- สามารถรับประทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นหลังฉีดได้
- หากมีอาการปวด บวมผิดปกติ แดง ร้อน บริเวณที่ฉีดหรือมีไข้ ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
นัดหมายแพทย์